เต่าซูลคาต้า หรือ เต่าเดือยแอฟริกา เป็นเต่าบกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเต่ายักษ์กาลาปากอสและเต่าอัลดาบรา เต่าสายพันธุ์นี้โดดเด่นด้วยลวดลายบนกระดองที่สวยงาม และนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก
ที่มาของชื่อ
“ซูลคาต้า” มาจากภาษาละตินว่า “sulcus” แปลว่า ร่อง หรือรอยตื้น สื่อถึงร่องลึกบนกระดองของเต่าชนิดนี้
ถิ่นกำเนิดและแหล่งที่พบ
ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมใน บริเวณพื้นที่แห้งแล้ง บริเวณขอบทะเลทรายซาฮารา ตั้งแต่มาลี และเซเนกัล ในแอฟริกาตะวันตก ไปจนถึงเอธิโอเปียในแอฟริกาตะวันออก
ลักษณะพิเศษ
ขนาด: เต่าซูลคาต้าโตเต็มวัยสามารถยาวได้ถึง36 นิ้ว และหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม
กระดอง: กระดองมีสีน้ำตาลอ่อนหรือสีเหลือง ขึ้นอยู่กับอายุ เต่าชนิดนี้มีลวดลายบนกระดองที่เป็นเอกลักษณ์ ประกอบด้วยร่องลึกและปุ่มนูน
ขา: ขาแข็งแรง นิ้วเท้ามีเล็บแหลมคม นิ้วเท้าหน้า 5 นิ้ว และนิ้วเท้าหลัง 4 นิ้ว
หาง: หางสั้น หางตัวผู้ปลายหางจะหนาและมีโคนหางที่ยาวกว่าตัวเมียเล็กน้อย หางตัวเมียปลายหางจะเรียว
อาหาร: เต่าซูลคาต้าเป็นสัตว์กินพืช กินหญ้า ใบไม้ ผลไม้ และดอกไม้เป็นอาหาร
อายุขัย: เต่าซูลคาต้ามีอายุขัยยาวนานถึง 100 ปี
เปรียบเทียบกับเต่าสายพันธุ์อื่น
ลักษณะ | เต่าซูลคาต้า | เต่ากาลาปากอส | เต่าอัลดาบรา |
---|---|---|---|
ขนาด | ใหญ่ | ใหญ่ | ใหญ่ |
กระดอง | มีร่องลึก | เรียบ | เรียบ |
ถิ่นกำเนิด | แอฟริกาเหนือ | อเมริกาใต้ | มหาสมุทรอินเดีย |
อาหาร | กินพืช | กินพืช | กินพืช |
อายุไข | 100 ปี | 150 ปี | 150 ปี |
การเลี้ยงเต่าซูลคาต้า
เต่าซูลคาต้าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ค่อนข้างต้องการพื้นที่และการดูแลเอาใจใส่ ก่อนตัดสินใจเลี้ยงควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เตรียมสถานที่และอุปกรณ์ให้พร้อม และหมั่นดูแลความสะอาด พาไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำ เต่าซูลคาต้าจะเป็นเพื่อนร่วมทางที่น่ารักและอยู่กับคุณไปอีกยาวนาน